Atago Class
Atago Class
Atago class เป็นเรือพิฆาตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศได้ดี เรือชั้นนี้ได้รับการปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นและเพิ่มความคล่องตัวขึ้นจากชั้น Kongou (เทียบได้กับ Arleigh Burke Class ของสหรัฐอเมริกา) ในแง่ของขนาดและการเคลื่อนที่เรือชั้น Atago มีขนาดเกือบเท่าเรือลาดตระเวน ชั้น Ticonderoga มีการปรับปรุงบางอย่างเพื่อลดการตรวจจับจากเรดาร์ เรือชั้น Atago สองลำได้รับการจัดหาในปี 2000 และถูกส่งมอบให้กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น (JMSDF) ในช่วงปี 2007-2008 เพื่อแทนที่เรือพิฆาตชั้น Tachikaze
เรือพิฆาตใหม่นี้มีความสามารถในการป้องกันทางภัยอากาศได้หลายเป้าหมาย เรือมีขนาดใหญ่และทันสมัยกว่าเรือชั้น Tachikaze มีการสร้างเรือชั้น Atago อีกสองลำและจะเริ่มส่งมอบและประจำการในช่วงปี 2020-2021
เรือพิฆาตชั้น Atago มีระบบป้องกันภัยทางอากาศอย่าง Aegis ระบบนี้ผสมผสานระบบต่างๆของญี่ปุ่นและอเมริกาเข้าไว้ด้วยกันรวมทั้งระบบอาวุธ เรดาร์ และระบบควบคุมการยิงที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ระบบ Aegis ที่ใช้กับเรือชั้น Atago มีความสามารถที่มากกว่าที่ใช้ในเรือชั้น Kongou
เรือพิฆาตชั้น Atago มีความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศที่มีความซับซ้อน ช่วยป้องกันภัยให้กับกองเรือได้ในระยะไกล สามารถใช้ระบบปล่อยอาวุธแนวดิ่งแบบ Mk.41 (VLS) จำนวน 96 ช่อง ที่มี 64 ช่องในส่วนหน้าเรือและ 32 ช่องในส่วนท้ายเรือ ประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีมาตรฐานแบบ SM-2MR , อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านขีปนาวุธแบบ SM-3 และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือดำน้ำแบบ ASROC RUM-139 VLS
นี้สามารถบรรจุอาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำและอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีภาคพื้นอย่าง Tomahawk ได้
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำแบบ Type 90
(SSM-1B)
ที่มีระยะยิง 150 กิโลเมตร และมีน้ำหนักหัวรบ 225 กิโลกรัม ที่มีความคล้ายคลึงกับ Harpoon ของสหรัฐฯ ติดตั้งกับแท่นยิง 2 แท่นๆละ 4 ท่อยิง
ชั้น Atago มีปืนใหญ่อเนกประสงค์ Mk.45 ขนาด 127 มิลลิเมตร เป็นปืนที่ผลิตขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา แม้ว่าปืนจะเหมือนกับในชั้น Kongou ก่อนหน้า แต่ความยาวลำกล้องของมันได้เพิ่มจาก 54 calibers เป็น 62 calibers ที่มีระยะยิงสูงสุด 38 กิโลเมตร ปืนนี้สามารถโจมตีเรือและเป้าหมายทางอากาศ
ระบบป้องกันภัยระยะประชิด Phalanx Close-In
Weapon Systems (CIWS) ขนาด 20 มิลลิเมตร 2 ตัวที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าเรือและบริเวณท้ายเรือ
สำหรับการต่อต้านเรือดำน้ำมีตอร์ปิโดแผดสาม Mk.46 Mod.5 Neartip หรือ Type 73 ของญี่ปุ่น
เรือพิฆาตชั้น Atago มีเฮลิคอปเตอร์ใช้งานที่ดีกว่าเรือชั้น Kongou ก่อนหน้า และเรือเก่าของชั้น Arleigh Burke เรือชั้น Atago มีโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์และอุปกรณ์สนับสนุนสำหรับ SH-60K หนึ่งลำ ต่างจากเรือรบสมัยใหม่อื่นๆ ที่จะสามารถรองรับเฮลิคอปเตอร์สองลำ
เรือพิฆาตลำนี้มีลูกเรือปฏิบัติงาน 300
ชีวิต ขับเคลื่อนด้วยระบบ Combined Gas-Electric และ Gas (COGLAG) ขั้นสูง ระบบส่งกำลังเครื่องยนต์กังหันแก๊สเทอร์ไบน์ 4 Harima/General Electric LM2500-30 ที่สร้างกำลังรวมกัน 100,000 แรงม้า ที่เพลา 2 อัน เครื่องยนต์ไฮบริด-ไฟฟ้าแบบผสมที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติการต่อต้านเรือดำน้ำ มีความเร็วต่ำขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับการปฏิบัติการปกติและความเร็วสูงจะใช้เครื่องยนต์กังหันแก๊สเทอร์ไบน์ ที่ให้ความเร็วสูงสุด 30 นอต (56 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
ในปี 2015 ได้มีการสร้างเรือชั้น Atago
อีกสองลำ ที่มีแผนที่จะประจำการในปี 2020 และ 2021 เรือที่กำลังสร้างนี้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบการสู้รบ Aegis และปรับปรุงระบบขับเคลื่อน
ข้อมูลจำเพาะ
ประเภท : เรือพิฆาต
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
ผู้ใช้งานหลัก : กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเ ลญี่ปุ่น
เริ่มเข้าประจำการ : 2007
เจ้าหน้าที่ประจำเรือ : 300 นาย
ขนาดและน้ำหนัก
ความยาว : 167 เมตร
ความกว้าง : 21 เมตร
กินน้ำลึก : 6.2 เมตร
ระวางขับน้ำเต็มพิกัด : 10,000 ตัน
การขับเคลื่อน
ความเร็ว : 30 นอต
พิสัยปฏิบัติการ : ไม่ทราบ
เครื่องยนต์ : COGLAG propulsion with 4 gas turbines ให้กำลัง 100,000 แรงม้าที่เพลา
อากาศยาน
เฮลิคอปเตอร์ : 1 x SH-60K
อาวุธยุทธภัณฑ์
ปืนใหญ่ : 1 x 127 มิลลิเมตร , 2 x 20 มิลลิเมตร Phalanx CIWS
อาวุธปล่อย : 96-cell VLS with SM-2MR SAM missiles , SM-3
anti-ballistic missiles , RUM-139 ASROC anti-submarine rockets , 8 x Type 90
(SSM-1B) anti-ship missiles
ตอร์ปิโด : 2 x triple torpedo launchers for Mk.46 Mod.5
Neartip or Type 73 torpedoes
ระบบอำนวยการรบ
เซ็นเซอร์และระบบการประมวลผ ล : AN/SPY-1D(V) passive electronically scanned array radar , OPS-28E surface search radar , AN/SQS-53C sonar
, 3 × AN/SPG-62 FCS , AN/SQQ-89 , Mk 46 Optronic director , Mk 160 FCS , Mk 116 FCS
สงครามอิเล็กทรอนิกส์และเป้าลวง : ESM/ECM:NOLQ-2 , 4 × Mark 36 SRBOC
อ้างอิง







ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น