IRIS-T


IRIS-T


   IRIS-T (Infra-Red Imaging System – Tail/Thrust Vector Controlled) เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ยุคก้าวหน้า มีจุดประสงค์เพื่อมาแทนที่ AIM-9 Sidewinder ปัจจุบันเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีที่มีความก้าวหน้าที่สุดในประเภทนี้ มีความเร็วสูง ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำสมัย และมีความคล่องตัวสูงที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่เดิมนั้นเยอรมนีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการ โดยสหรัฐอเมริกาได้ทำการพัฒนาอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยปานกลาง (AIM-120 AMRAAM) ในขณะที่เยอรมนี นอร์เวย์ แคนาดา และอังกฤษได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยใกล้ อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง ในปี 1995 เยอรมนีตัดสินใจที่จะพัฒนาอาวุธปล่อยนำวิถีที่มีพิสัยทำการใกล้กว่าและมีความคล่องตัวมากกว่า ร่วมกับกรีซ อิตาลี นอร์เวย์ สวีเดน และแคนาดา ในขณะที่อังกฤษได้ดำเนินการออกแบบ ASRAAM และได้นำเข้าประจำการในเวลาไม่ช้าหลังจากนั้น โครงการที่นำโดยเยอรมันนี้ใช้เวลาในการพัฒนาค่อนข้างนานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแคนาดาได้ถอนตัวออกจากโครงการ มันได้เข้าประจำการในปี 2005 เนื่องจาก IRIS-T มีจุดประสงค์เพื่อเข้ามาแทนที่ Sidewinder ดังนั้นเครื่องบินที่สามารถปล่อย AIM-9 ได้ก็สามารถปล่อย IRIS-T ได้ทำให้มันเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจ

   อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศนี้ใช้ระบบนำทางแบบอินฟราเรดโฮมมิ่งหรือเรียกอีกอย่างว่าการแสวงหาความร้อน ซึ่งหมายความว่า IRIS-T จะทำการติดตามเป้าหมายที่มีการแผ่รังสีอินฟราเรด เป็นที่รู้จักกันว่าการแสวงหาความร้อนนั้นจะมองหาแสงอินฟราเรดที่ถูกปล่อยออกมาจากแหล่งความร้อน อย่างไรก็ตามเหมือนอาวุธปล่อยนำวิถีร่วมสมัยอื่นๆ IRIS-T สามารถมองเห็นเป้าหมาย เพื่อให้สามารถแยกแยะระหว่างเป้าหลวงกับเป้าหมายจริงได้ นอกจากนี้อาวุธปล่อยนำวิถีนี้ยังมีความทนทานสูงต่อระบบตอบโต้ทางอิเล็กทรอนิกส์ของศัตรู

   IRIS-T เป็นหนึ่งในอาวุธปล่อยนำวิถีที่ร้ายกาจที่สุดในปัจจุบัน มีมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ ที่ทำความเร็วได้ 3,703 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Mach 3) เร็วพอที่จะเข้าถึงเครื่องบินข้าศึกได้อย่างรวดเร็ว และทำลายเป้าหมายด้วยหัวรบระเบิดแรงสูงแตกสะเก็ด ระบบควบคุมแรงผลักดันแบบ thrust-vector/tail control ช่วยให้สามารถทนต่อแรงจีได้ถึง 60 จี โดยไม่มีปัญหา มันมีความคล่องตัวที่เหนือกว่าเครื่องบินรบในปัจจุบัน ที่สามารถทนแรงจีได้ 12 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม IRIS-T ค่อนข้างที่จะเสียเปรียบในเรื่องของระยะทำการ มันมีระยะยิงทำการที่ 25 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะยิงทำการที่สั้นกว่าของ ASRAAM ที่มีระยะทำการ 50 กิโลเมตร

   IRIS-T มีคุณลักษณะขั้นสูงมากมาย รวมถึง Lock-On Before Launch (LOBL), Lock-On After Launch (LOAL) ทำให้ IRIS-T สามารถกำหนดเป้าหมายเครื่องบินศัตรูที่อยู่ด้านหลังได้ มันสามารถติดตั้งไว้ในช่องเก็บอาวุธภายในของเครื่องบินขับไล่จำพวกสเตลท์ได้ IRIS-T ประสบความสำเร็จอย่างมากในการขายอาวุธนี้ให้กับออสเตรีย เบลเยียม เยอรมนี กรีซ อิตาลี นอร์เวย์ ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ สเปน สวีเดน และไทย โดยมีราคาต่อหน่วยประมาณ 455,000 เหรียญสหรัฐฯ มันมีราคาแพงกว่า AIM-9X ประมาณแสนกว่าเหรียญ


สายพันธุ์

   IRIS-T แบบมาตรฐาน

   IDAS เป็นรุ่นที่ได้รับการดัดแปลงให้ใช้กับกองทัพเรือ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้โจมตีเป้าหมายทางอากาศ ทางเรือ และเป้าหมายภาคพื้นดิน ขณะนี้กำลังมีการปรับเพื่อให้ใช้กับเรือดำน้ำ Type 212 ของเยอรมัน ซึ่งจะทำให้มันเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีรุ่นแรกที่มีความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศที่มีการติดตั้งในเรือดำน้ำ สามารถทำการปล่อยได้ในขณะที่เรืออยู่ใต้น้ำ มีระยะยิงทำการอยู่ที่ 20 กิโลเมตร

   IRIS-T SL คือ IRIS-T ที่มีการปล่อยจากภาคพื้นดิน (Surface-Launched) มีการปรับปรุงมอเตอร์ให้ดีขึ้น รวมถึงระยะทำการ ระบบ GPS และการเชื่อมโยงข้อมูล มันมีสองรุ่น คือ รุ่น SLS (พิสัยใกล้) ติดตั้งอยู่บนรถ Unimog 5000 และ รุ่น SLM (พิสัยปานกลาง)

   SAM Variants สวีเดนและนอร์เวย์ได้ตัดสินใจที่จะพัฒนาอาวุธปล่อยนำวิถี IRIS-T ให้เป็นรุ่นพื้นสู่อากาศ (SAM) สำหรับสวีเดนนั้นจะนำเข้ามาแทนที่ RBS 70 ที่มีอายุการใช้งานมานาน ในขณะที่นอร์เวย์จะเป็นการแก้ไข NASAMS (Norwegian Advanced Surface-to-Air Missile System) ซึ่งโดยปกติแล้วจะติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถี AIM-120 AMRAAM การส่งมอบระบบนี้มีกำหนดเริ่มขึ้นในปี 2018

อาวุธที่คล้ายกัน

   ASRAAM อาวุธปล่อยนำวิถีของอังกฤษที่เข้าประจำการในปี 1998 และเป็นหนึ่งในอาวุธปล่อยนำวิถีที่ทรงพลังที่สุดในประเภทนี้ มีความคล่องตัวสูง (60 จี) มีระยะยิงทำการไม่เกิน 50 กิโลเมตร หัวรบขนาด 10 กิโลกรัม และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำสมัย นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องบินรบที่ติดตั้ง Sidewinder ได้ทั้งหมด

   R-73 ตะวันตกรู้จักกันในชื่อ AA-11 Archer เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้นำทางด้วยอินฟราเรดของรัสเซีย ที่เข้าประจำการในปี 1984 มีความคล่องตัวสูง หัวรบขนาด 7.4 กิโลกรัม ความเร็ว 3,073 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีระยะทำการ 20-40 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับรุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 15 ประเทศ และสามารถใช้กับเครื่องบินขับไล่รัสเซีย เครื่องบินโจมตีภาคพื้นดิน และเฮลิคอปเตอร์โจมตี

   AIM-9X Sidewinder เริ่มเข้าประจำการในปี 2003 AIM-9X เป็นรุ่นล่าสุดของ Sidewinder มีการควบคุมแบบ thrust-vectoring control มีการประมวลผลที่ดีขึ้น มีความเร็วที่ดีขึ้น มีความคล่องตัวสูง และมีความทนทานต่อระบบตอบโต้ของศัตรู


ข้อมูลจำเพาะ

ประเภท : อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้
สัญชาติ : โครงการระหว่างประเทศที่นำโดยเยอรมัน
ผู้ผลิต : Diehl BGT Defense
เริ่มเข้าประจำการ : 2005
ความยาวอาวุธ : 2.9 เมตร
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 0.13 เมตร
น้ำหนักอาวุธ : 87.4 กิโลกรัม
น้ำหนักหัวรบ : ไม่ทราบ
ประเภทหัวรบ : HE-FRAG
ระยะยิง : 25 กิโลเมตร
ระบบนำทาง : Infrared homing
ความเร็ว : 3,703 กิโลเมตร/ชั่วโมง (Mach 3)

ประเทศผู้ใช้งาน

ออสเตรีย
เบลเยียม
เยอรมัน
กรีซ
อิตาลี
นอร์เวย์
ซาอุดีอาระเบีย
แอฟริกาใต้
สเปน
สวีเดน
ไทย




ที่มา


Photo

wikimedia.org

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม