F-15SE Silent Eagle


F-15SE Silent Eagle


   Boeing F-15E Eagle เข้าประจำการและรับใช้กองทัพอากาศสหรัฐฯ (US Air Force) ตั้งแต่ปี 1989 เครื่องบินลำนี้ได้พิสูจน์ตัวเองในสงครามได้เป็นอย่างดี แต่มันก็มีอายุการใช้งานมานานและต้องได้รับการอัพเกรดในอนาคต โบอิงเริ่มพัฒนารุ่นใหม่ที่ได้รับการอัพเกรดและการใช้เทคโนโลยีสเตลท์ในปี 2009 ชื่อของเครื่องบินรุ่นนี้คือ F-15SE Silent Eagle ทำการบินครั้งแรกในปี 2010 ค่าใช้จ่ายในการผลิต Silent Eagle ลำเดียวอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มันมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อเทียบกับ F-15E Eagle มาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตามรุ่นใหม่นั้นย่อมดีกว่า

   ดูเหมือนว่า F-15SE Silent Eagle นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า Eurofighter Typhoon, Dassault Rafale หรือ Russian Su-35 เมื่อเข้าประจำการมันอาจเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบหลากหลายบทบาทที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้มันยังสามารถเป็นตัวเลือกของ Lockheed Martin F-35 ที่มีความล่าช้าในการพัฒนาและค่าใช้จ่ายที่สูง

   อย่างไรก็ตามอนาคตของ Boeing F-15 Silent Eagle นั้นยังไม่แน่นอน กองทัพอากาศสหรัฐฯอาจจะต้องการอัพเกรด F-15E มากกว่า อย่างไรก็ตามยังมีลูกค้าที่ให้ความสนใจจากทั่วโลก อย่างอิสราเอลที่ดูเหมือนว่าจะสนใจ Silent Eagle มากที่สุด พวกเขาได้ทำข้อเสนอ แต่ก็ถูกปฏิเสธ บางแหล่งรายงานว่า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และซาอุดิอาระเบีย สนใจที่จะจัดซื้อเครื่องบินลำนี้ และปัจจัยเดียวที่จะทำให้พวกเขาล้มเลิกความสนใจก็คือราคาต่อหน่วยที่สูง

   F-15 Silent Eagle มีคุณสมบัติใหม่ๆมากมาย หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญคือ การใช้วัสดุดูดซับเรดาร์ เครื่องบินนี้มีช่องเก็บอาวุธภายในสี่จุด ช่วยลดค่าส่วนตัดผ่านของเรดาร์ และตรวจจับได้ยากขึ้นว่าบรรพบุรุษของมัน ความสามารถในการสเตลท์ของมันได้รับการพิสูจน์ในการบินทดสอบ

   การโหลดอาวุธทั่วไปเหมือนกับ F-15 Eagle มันมีตำบลติดตั้งอาวุธภายใน 4 จุด และสามารถติดตั้งอาวุธภายนอกได้ Silent Eagle สามารถติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ ขีปนาวุธอากาศสู่พื้น และระเบิดนำวิถีความแม่นยำสูง

   Silent Eagle ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับ F-15E มันได้พลังงานจากเครื่องยนต์ Pratt & Whitney F100-229 ที่ให้กำลัง 129 กิโลนิวตัน เมื่อเปิดอาฟเตอร์เบิร์นเนอร์ สมรรถนะของเครื่องบินทั้งสองลำนั้นเหมือนกัน แต่ความแตกต่างส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระบบการบิน Silent Eagle ติดตั้งเรดาร์ APG-82 AESA ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบดิจิทัล ระบบค้นหาและติดตามแบบอินฟราเรด ระบบล็อคเป้าของ Lockheed Martin Sniper และระบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงอื่นๆ


ข้อมูลจำเพาะ

บทบาท : เครื่องบินขับไล่หลากหลายบทบาท
สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา
ผู้สร้าง : Boeing
เริ่มเข้าประจำการ : ไม่ทราบ
นักบิน : 2 นาย

ขนาดและน้ำหนัก

ความยาว : 19.43 เมตร
ความยาวระหว่างปลายปีกทั้งสองข้าง : 13 เมตร
ความสูง : 5.63 เมตร
น้ำหนัก (ตัวเครื่อง) : 14.3 ตัน
น้ำหนัก (ขึ้นบินสูงสุด) : 36.7 ตัน

เครื่องยนต์และประสิทธิภาพการทำงาน

เครื่องยนต์ : 2 x Pratt & Whitney F100-229 turbofans
ขุมพลัง (ปกติ / อาฟเตอร์เบิร์นเนอร์) : 2 x ไม่ทราบ / 129 กิโลนิวตัน
ความเร็วสูงสุด : 2,650 กิโลเมตร/ชั่วโมง (Mach 2.5+)
พิสัยทำการ : 3,900 กิโลเมตร
รัศมีทำการรบ : 1,480 กิโลเมตร
เพดานบิน : 18,200 เมตร
อัตราการไต่ : 254 เมตร/วินาที

อาวุธยุทภัณฑ์

ปืนใหญ่ : 1 x M61 Vulcan (510 นัด)
อาวุธปล่อย
     - อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรดาร์แบบ AGM-65 Maverick 
     - อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรดาร์แบบ AGM-88 HARM 
     - อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นแบบ AGM-130
     - อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบ AIM-7M Sparrow
     - อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบ AIM-9 Sidewinder
     - อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบ AIM-120 AMRAAM
ระเบิด
     - ระเบิดแบบ Mk82, Mk83, Mk84 
     - ระเบิดนำวิถีความแม่นยำสูง GBU-10/12/15/24/28
     - ระเบิดลูกปรายตระกลู CBU

ระบบ AVIONICS
     - เรดาร์ APG-82 active electronically scanned array (AESA)
     - ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัล (DEWS) ของ BAE Systems
     - ระบบควบคุมการบินดิจิทัล (DFCS) แบบ "Fly-by-Wire"
     - ระบบกำหนดเป้าหมายขั้นสูง และระบบคันหาและติดตามแบบอินฟราเรด (IRST) ของ Lockheed Martin Sniper
     - Link-16 fighter data link








อ้างอิง


Photo

keywordlister.com, military-today.com

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม