AGM-158C LRASM


AGM-158C LRASM


   LRASM ย่อมาจาก Long-Range Anti-Ship Missile ได้รับการพัฒนาโดย Lockheed Martin มันเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนต่อต้านเรือผิวน้ำยุคใหม่ มีพื้นฐานมาจากอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนปล่อยทางอากาศ AGM-158B JASSM-ER ออกแบบมาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของกองทัพเรือและกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในปี 2009 โครงการได้เริ่มต้นขึ้นโดยแบ่งออกเป็นสองโครงการย่อย คืออาวุธปล่อยนำวิถีร่อนความเร็วต่ำกว่าเสียง LRASM-A ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก AGM-158 JASSM-ER และอีกแบบคือ LRASM-B ซึ่งได้รับการวางแผนให้เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีความเร็วเหนือเสียงเพดานบินสูง คล้ายกับ BRAHMOS ของอินเดียรัสเซีย อย่างไรก็ตาม LRASM-B ถูกยกเลิกโครงการไปในเดือนมกราคมปี 2012 การทดสอบเซ็นเซอร์การบินของ LRASM เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2012 การทดสอบระบบต่างๆเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2013 ในเดือนสิงหาคมปี 2013 บริษัท Lockheed Martin ได้ทำการทดสอบการบินครั้งแรกของ LRASM โดยทำการปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer ในเดือนกันยายนปี 2013 Lockheed Martin ได้ทำการปล่อย LRASM ที่ติดตั้งชุดเพิ่มกำลังเสริม จากระบบปล่อยอาวุธแนวดิ่ง Mk.41 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในเรือรบของสหรัฐฯ กองทัพเรือสหรัฐฯได้กำหนดชื่ออย่างเป็นทางการให้กับ LRASM ที่ปล่อยทางอากาศนี้ว่า AGM-158C ในเดือนสิงหาคมปี 2015 LRASM ตัวต้นแบบก่อนการผลิตทำการทดสอบการบินครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปี 2017 มันถูกปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer ต่อเป้าหมายที่หลากหลายในเดือนธันวาคมปี 2017 และเข้าประจำการในปี 2018

   LRASM ติดตั้งหัวรบระเบิดแรงสูงแตกสะเก็ดน้ำหนัก 450 กิโลกรัม อาวุธปล่อยนำวิถีนี้ใช้ระบบจัดการเส้นทางและระบบนำทางที่มีความแม่นยำสูง สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศทั้งกลางวันและกลางคืน อาวุธนี้ใช้ชุดเซ็นเซอร์ตรวจจับที่ทันสมัย การเชื่อมโยงข้อมูล และระบบ GPS (Global Positioning System) ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่มีเทคโนโลยีต่อต้านการแจมสัญญาณ ระบบนำทางและค้นหาเป็นของ BAE Systems LRASM สามารถทำลายเป้าหมายเฉพาะที่อยู่ภายในหมู่เรือจำนวนมากที่อยู่ในทะเลได้ ผู้พัฒนาระบุว่าระยะทำการของมันว่ามีระยะมากกว่า 370 กิโลเมตร บางแหล่งคาดการณ์ว่ามันอาจมีระยะทำการถึง 560 กิโลเมตร โดยพิจารณาจาก AGM-158B JASSM-ER ตัวต้นแบบของมันที่มีระยะทำการ 930 กิโลเมตร อาวุธปล่อยนำวิถีนี้เดินทางด้วยความเร็วต่ำกว่าเสียง

   อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำตรวจจับได้ยากนี้ได้รับการออกแบบมาให้มีการลดส่วนตัดผ่านเรดาร์และลดการแผ่รังสีความร้อน ดังนั้นมันจึงยากที่จะตรวจจับและสกัดกั้น คุณสมบัติการตรวจจับได้ยากของมันทำให้ง่ายต่อการเอาชนะระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นสูงของศัตรู LRASM สามารถตรวจจับการแพร่คลื่นอิเล็กทรอนิกส์ของศัตรูและโจมตีเรือรบที่มีความสำคัญที่สุดของศัตรู อาวุธนี้ยังสามารถรับข้อมูลการกำหนดเป้าหมายจากภายนอกอื่นได้ เช่น เครื่องบินหรืออากาศยานไร้คนขับ เมื่อกลุ่มของ LRASM ถูกปล่อยไปแล้วพวกมันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำหนดเป้าหมายระหว่างกันได้ เพื่อการเข้าโจมตีเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


   เครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer สามารถบรรทุก LRASM ได้จำนวน 24 ลูก เครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลท์ B-2 Spirit สามารถบรรทุกอาวุธนี้ได้ 16 ลูก ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52H Stratofortress สามารถบรรทุกอาวุธนี้ได้ 20 ลูก อาวุธปล่อยนำวิถีนี้สามารถใช้งานรวมกับเครื่องบินขับไล่หลากหลายบทบาทแบบ F/A-18E และ F/A-18F รวมทั้งเครื่องบินขับไล่โจมตีภาคพื้นดินแบบ F-15E และเครื่องบินขับไล่หลากหลายบทบาทแบบ F-16 เครื่องบินขับไล่เหล่านี้สามารถบรรทุกอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำได้หนึ่งหรือสองลูก AGM-158C ยังสามารถบรรทุกไว้ภายในช่องเก็บอาวุธของเครื่องบินขับไล่สเตลท์หลากหลายบทบาทแบบ F-35 นอกจากนี้ F-35 ยังสามารถบรรทุกอาวุธนี้ได้จากตำบลติดอาวุธภายนอก แต่จะส่งผลต่อคุณลักษณะการตรวจจับได้ยากของเครื่องบิน

   ครั้งหนึ่งเคยมีการติดตั้งอาวุธนี้ให้สามารถทำการยิงได้จากระบบปล่อยอาวุธแนวดิ่งแบบ Mk.41 ที่ใช้ในเรือรบของสหรัฐฯจำนวนมาก โดยมีการติดตั้งชุดเพิ่มกำลังเสริมเข้ากับ AGM-158C ซึ่งมีน้ำหนักรวม 2,000 กิโลกรัม

   บริษัท Lockheed Martin ได้รับสัญญาจ้างให้วิจัยและบูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถี AGM-158C LRASM ให้ใช้งานได้กับยานผิวน้ำไร้คนขับ เชื่อกันว่าในอนาคตมีโอกาศที่ LRASM จะสามารถทำการปล่อยได้จากเรือดำน้ำ

   อาวุธปล่อยนำวิถี AGR-158C LRASM มีราคาต่อลูกประมาณ 700,000-1,000,000 เหรียญสหรัฐฯ


ข้อมูลจำเพาะ

ประเภท : อาวุธปล่อยนำวิถีร่อนต่อต้านเรือผิวน้ำ
สัญชาติ : สหรัฐอเมริกา
ผู้ผลิต : Lockheed Martin
ผู้ใช้งาน​หลัก​ : กองทัพเรือ​และกองทัพ​อากาศสหรัฐ​
เริ่มเข้าประจำการ : 2018
ความยาวอาวุธ : ~4.3 เมตร
ความกว้างอาวุธ : ~0.55 เมตร
ความยาวระหว่างปลายปีกทั้งสองข้าง : ~2.4 เมตร
น้ำหนักอาวุธ : 1,100 กิโลกรัม
น้ำหนักอาวุธ (พร้อมชุดเพิ่มกำลัง) : 2,000 กิโลกรัม
น้ำหนักหัวรบ : 450 กิโลกรัม
ประเภทหัวรบ : HE-FRAG
ระยะทำการ : มากกว่า 370 กิโลเมตร
ค่าความคลาดคลื่อน (CEP) : ~3 เมตร





อ้างอิง


Photo

wikimedia.org, pinimg.com, businesswire.com, defense.gov

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม